5 นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญในประวัติศาสตร์

5 นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันนั้นวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญในการวิจัยหรือค้นคว้าและ เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆอย่างมากมาย และแทบจะไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งการที่จะค้นพบวิทยาศาสตร์นั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้ค้นพบและทดลอง ทำให้เกิดเป็นทฤษฎีต่างๆในปัจจุบันและวันนี้เรา Discoveryman จะมานำเสนอ 5 นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ จะไปยังไงนั้นไปดูกันเลย

ไอแซก นิวตัน Isaac Newton

ไอแซก

ไอแซก นิวตัน เป็นชายชาวอังกฤษเกิดเมื่อปี (1641-1725) เป็น นักฟิสิกส์ และ นักคณิตศาสตร์ และ ดาราศาสตร์ เขานั้นได้เป็นที่ยอมรับให้เป็นผู้ที่มีอิทธิพลในวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก และยังเป็นคนสำคัญที่ปฏิวัติด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย นิวตั้นได้ค้นพบกฏแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นเสาหลักของการศึกษาเรื่อง จักวาลทางกายภาพ นิวตั้นนั้นทำให้เราเห็นว่าการเคลื่อนที่ของวัตถุที่อยู๋บนฟ้า และพื้นโลกนั้นล้วนมีกฏเหมือนกัน อีกทั้งกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงที่ใช้งานได้จริงเครื่องแรก นิวตันนั้นก็เป็นคนสร้าง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่พัฒนาทฤษฎีสี ค้นพบสเปกตรัมแสง คิดค้นการเย็นตัว และศึกษาความเร็วของเสียง และกำเนิดวิชาคณิตศาสตร์ในหลายเรื่องได้แก่ แคลคูลัส(Calculus) ในปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ แคลคูลัสเชิงอินทิกรัล(Intergral Calculus) ทฤษฎีบททวินาม (Binomial Theorem) วิธีการกระจายอนุกรม (Method of Expression) ผลงานของไอแซก นิวตัน ทำให้เกิดการปฏิวัติด้านวิทยาศาสตร์และเป็นความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของคณิตศาสตร์ทุกสาขา ได้ก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม

นิโคลา เทสลา Nikola Tesla

nikola-tesla

นิโคลา เทสลา เป็นลูกครึ่งชาวเซอร์เบียนกับอเมริกันเกิดเมื่อปี (1856-1943) เป็นนักประดิษฐ์ วิศวกรไฟฟ้า และนักฟิสิกส์ ชายคนนี้เป็นคนที่สร้างนวัตกรรมที่ล้ำยุค สิ่งที่เขาทำนั้นคือพื้นฐานของระบบไฟฟ้าสลับที่ใช้กันหลากหลายในปัจจุบัน เช่น มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ และ ระบบจ่ายกำลังหลายเฟส และยังเป็นผู้ที่ค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างมากมาย เช่น เครื่องวัดความเร็วรถยนต์วิธีเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า และยังมีการค้นคว้าเรื่องส่งพลังงานในรูปแบบไร้สายหรือ wireless ที่ปัจจุบันนั้นมีอยู่มากมาย เทสลาและเอดิสันพวกเขานั้นยังเป็นคู่แข่งกันในยุคนั้นอีกด้วย เนื่องจากเอดิสันนั้นสนับสนุนให้ใช้กระแสไฟฟ้าตรงแต่เทสลานั้นพัฒนาด้านกระแสไฟฟ้าสลับจึงทำให้ทั้งคู่เป็นคู่แข่งกัน ขนาดที่ว่าเกิดสงครามของกระแสไฟฟ้า(War of Currents) เลยทีเดียว เทสลานั้นมีความคิดและจินตนาการที่สูงและก้าวไกลมากจนเขามีแนวคิดที่จะทำให้โลกทั้งใบนั้นเป็นสื่อนำไฟฟ้าเพื่อให้ทุกคนได้ใช้ไฟฟ้าอย่างเสรี และอย่างอื่นอีกมากมายจนได้ถูดเรียกว่า นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องหรือ(mad scientist) อีกด้วยและหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปนั้นทาง FBI ได้สั่งให้เรื่องราวทุกอย่างของเทสลาต้องถูกจัดการอย่างลับที่สุดและรักษาความลับเรื่องสิ่งประดิษฐิ์ของเขานั้นเป็นความลับตลอดไป เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่แต่คนมักไม่ค่อยรู้จักกันทั้งๆเท่ากับผลงานของเขาชายคนนี้นั้นคือ อัจฉริยะที่ถูกลืม

ทอมัส เอดิสัน Thomas Edison

ทอมัส เอดิสัน เป็นชาวอเมริกาเกิดเมื่อปี (1847-1931) สิ่งที่เขาสร้างนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราให้เข้าสู่สมัยใหม่ เอดิสันนั้นเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในความขยัน เขาแทบจะไม่เคยเรียนหนังสือที่โรงเรียนเลย แต่เขานั้นได้ทำการทดลองและการค้นคว้าด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กๆ จนถึงบั้นปลายชีวิต เขาได้นำเงินที่ได้จากการขายบัตรผลงานสิ่งประดิษฐิ์ชิ้นแรกของเขาไปก่อสร้าง โรงงานที่มีห้องวิจัยที่ได้กลายเป็นต้นแบบของโรงงานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ได้ในวัยเพียง 23 ปี ถึงการคิดค้นหรือประดิษฐิ์หลอดไฟฟ้าคนแรกนั้นจะไม่ใช่เอดิสัน แต่เอดิสันนั้นเขาเป็นคนที่นำหลอดไฟฟ้ามาพัฒนาให้ใช้ในบ้านเรือนได้ตามปกติ และโรงจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ทำให้ทุกคนได้ใช้ไฟฟ้าอย่างทั่วถึงกัน ที่นิวยอร์คเอดิสันก็เป็นคนที่สร้างมันทำให้การใช้ชีวิตของคนทั่วโลกนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ Albert Einstein

ชายชาวเยอรมัน เกิดเมื่อปี (1879-1955) มีเชื้อสายเป็นชาวยิวและสัญชาติสวิสและอเมริกัน เป็นนักฟิสิกส์ เขาเป็นผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่เป็น 1 เสาหลักให้แก่ฟิสิกส์สมัยใหม่และกลศาสตร์ควอนตัม อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นเจ้าของสูตรที่โด่งดังไปแทบทั่วโลกนั่นก็คือ E = mc2 เเละเขานั้นยังได้เข้ารับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์อีกด้วย ไอน์สไตน์นั้นถือได้ว่าเขาเป็นคนที่แทบจะเรียนรู้ช้าเพราะเขานั้นมีความบกพร่องในการอ่านและเขียน (Dyslexia) แต่ในข้อบกพร่องตรงนี้นั้นเขาบอกไว้ว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้การพัฒนาทฤษฎีของเขา เกิดขึ้นได้เนื่องจากความเชื่องช้าที่เขามีทำให้เขาได้มีเวลาในการคิดถึงสิ่งต่างๆมากกว่าเด็กคนอื่น ในปี 1915 หลังจากที่เขาได้ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เขาก็ได้เริ่มมีชื่อเสียงซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับนักวิทยาศาสตร์คนนึงเลยทีเดียว เขาจึงกลายเป็นที่เคารพนับถือของนักวิทยาศาสตร์หลายๆคน และเป็นสัญลักษณ์ของความฉลาดและอัจฉริยะ นั่นเอง ในช่วงที่ไอน์สไตน์เริ่มทำการวิจัยเขาได้คิดว่ากลศาสตร์ของ ไอแซก นิวตัน ไม่พอที่จะรวมกฎของกลศาสตร์ดั้งเดิมให้เข้ากับกฎของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้จึงทำให้เกิดการ พัฒนาทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ หลังจากนั้นเขาก็ได้ขยายทฤษฎีให้ครอบคลุมไปถึงสนามแรงโน้มถ่วงเลยเกิดเป็นทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปซึ่งใช้อธิบายโครงสร้างของจักรวาลได้นั่นเอง

กาลิเลโอ กาลิเลอี Galileo Galilei

กาลิเลโอ1

ชายชาวอิตาลี่ ที่เป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ เขาเป็นคนแรกที่ได้นำคณิตศาสตร์และการทดลอง มาใช้ในการพิสูจน์กฏทางธรรมชาติที่เป็นรากฐานให้กับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน กาลิเลโอนั้นเขาได้เป็นคนที่ค้นพบกับกฏเพนดูลัม หรือกฏการแกว่งของลูกตุ้มที่ทำให้นาฬิกาเที่ยงตรงและ กาลิเลโอนั้นยังประดิษฐิ์กล้องโทรทรรศน์ที่สามารถจะส่องดูดวงดาวบนท้องฟ้าได้แบบชัดเจนเขาส่องดวงจันทร์และได้พบว่าพื้นผิวของดวงจันทร์นั้นไม่เรียบและเป็นหลุบแถมยังมีหุบเหวอีกด้วย และเขายังรู้ว่าทางชางเผือกนั้นมีดาวฤกษ์อยู่มากมายเต็มไปหมด มีอีกหลายอย่างที่กาลิเลโอพบจากการที่เขาส่ิงกล้องโทรทรรศน์เช่น วงแหวนดาวเสาร์ พบจุดดับบนดวงอาทิตย์ พบดวงจันทร์บริวารสำคัญของดาวพฤหัสบดี 4 ดวง ด้วยการพบสิ่งพวกนี้ของเขานั่นเองที่ทำให้เขาพิสูจน์ได้ว่าโลกของเรานั้นกำลังโคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ จากการที่กาลิเลโอนั้นได้พบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลกทำให้มันไปข้องจองและสนับสนุนทฤษฎีของโคเปอร์นิคัส ที่เขาได้เสนอไปว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ไม่ใช่ดวงอาทิตย์กับดาวดวงอื่นๆนั้นโคจรรอบโลกตามที่โบราณกล่าวต่อๆกันมานับพันปี จึงทำให้มีการต่อต้านจากศาสนจักรเนื่องจากขัดแย้งกับคำสอนในสมัยนั้น ด้วยเหตุนี้กาลิเลโอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดเกี่ยวกับทฤษฎีของโคเปอร์นิคัส ถึงยังไงนั้นกาลิเลโอก็ยังมุ่งมั่นค้นคว้าด้านดาราศาสตร์ต่อไปและมีผลงานเป็นหนังสือออกมาอีก จนกระทั่งเวลาก็มาถึงช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาถึงแม้เขาจะตาบอดทั้งสองข้างแต่กาลิเลโอก็ยังทำงานวิจัยต่อไปโดยให้ลูกศิษย์ทำการสังเกตและรายงานผลให้เขาวิเคราะห์ เขาคือนักวิทยาศาสตร์ที่น่านับถือ

Write By : Discoveryman

Facebook Page : Discoveryman22